วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

...บรรณานุกรม...

เอกสารประเภทเว็บไซต์

จบ ม. 3 ต่อสายอาชีพดีไหม? แวะมาตัดสินใจตรงนี้สิ!! [ออนไลน์].ค้นหาเมื่อ 31 สิงหาคม 2556, จาก http://www.dek-d.com/education/25937/

ข้อแนะนำในการเลือกสายการเรียน ในระดับม.3 สายสามัญ และสายอาชีพ[ออนไลน์].ค้นหาเมื่อ 31 สิงหาคม 2556, จาก  http://board.postjung.com/618264.html

...บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ...

           การวิจัยเรื่องทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อการเลือกเรียนต่อในสายสามัญและสายอาชีพมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3ที่มีต่อการศึกษาต่อในสายสามัญและสายอาชีพ และ  เพื่อสร้างข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกเรียนต่อให้กับเยาวชนรุ่นหลัง                 

มีวิธีดำเนินการวิจัย คือ ขั้นตอนแรกผู้จัดทำได้ทำการกำหนดกลุ่มเป้าหมายซึ่งในที่นี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 โรงเรียนวัดราชโอรส จากนั้นทำการวางแผนและหาข้อมูลประกอบงานวิจัยลำดับต่อไปผู้จัดทำจึงทำการสำรวจโดยมีแบบสอบถามจำนวน 50 ชุดเป็นเครื่องมือ และสุดท้ายคือ เก็บแบบสอบถาม ประเมิณผลและสรุปผล สรุปผล ได้ดังนี้

สรุปผลการวิจัย
1.                   กลุ่มเป้าหมาย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 ส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อในสายสามัญและยังมีนักเรียนกลุ่มน้อย เลือกศึกษาต่อในสายอาชีพ
2.            นักเรียนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อการเลือกเรียนต่อในสายสามัญโดยให้เหตุผลหลายประการเช่น สายสามัญมีภาพลักษณ์ที่ดีในสังคมไทยเป็นสายที่มีโอกาสตกงานต่ำและในกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหนึ่งความคิดเห็นว่าสายสามัญเน้นวิชาการมากเกินไปไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง
3.             นักเรียนส่วนใหญ่มีทัศนคติด้านลบต่อสายอาชีพโดยให้เหตุผลว่าเป็นสายที่มีภาพลักษณ์เสื่อมเสีย อันตรายและยังเป็นสายที่มีอนาคตไม่แน่นอน หากมีนักเรียนส่วนหนึ่งมีทัศนคติที่ดีต่อสายอาชีพด้วยเหตุผลที่ว่า สายอาชีพเรียนไปใช้ได้จริงสามารถหารายได้และประสบกรณีขณะเรียนและประเทศชาติกำลังต้องการแรงงาน

อภิปรายผลการวิจัย
         นักเรียนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อการเลือกเรียนต่อในสายสามัญด้วยเหตุผลว่าให้ความรู้ครอบคลุมหลากหลาย มีภาพลักษณ์ที่ดี ดูมีอนาคต และยังหางานง่ายมีโอกาสตกงานน้อย ในขณะที่ยังมีนักเรียนส่วนหนึ่งมีทัศนคติที่ดีต่อสายอาชีพด้วยเหตุผลที่ว่า สามรถเรียนมนสิ่งที่ชอบ ถนัดและหาประสบการณ์และรายได้ระหว่างเรียนได้ สมัครงานง่าย และกำลังเป็นที่ต้องการของประเทศชาติ

...บทที่ 4 ผลการวิจัย...

           งานวิจัยเรื่อง ทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อการเลือกเรียนต่อในสายสามัญและสายอาชีพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 โรงเรียนวัดราชโอรส จังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ  โดยผู้จัดทำมีการใช้แบบสอบถามจำนวน 50 ชุด เป็นเครื่องมือในการสำรวจและรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอในรูปแบบของตารางดังนี้
    ส่วนที่ 1 เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
    ส่วนที่ 2 ข้อมูลการเลือกเรียนต่อในสายต่างๆของผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง 50 คน
    ส่วนที่ 3 ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญ
    ส่วนที่ 4 ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพ
    ส่วนที่ 5 สรุปผลตารางที่ 1 2  3 4 5 และ 6

    ส่วนที่ 1 เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
จำนวน ( คน )
ร้อยละ
ชาย
24
48.00
หญิง
26
52.00
รวม
50
100.00
ตาราง ก. เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม

     ส่วนที่ 2 ข้อมูลการเลือกเรียนต่อในสายต่างๆของผู้ตอบแบบสอบถาม50คน
เพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
เลือกสายสามัญ
( คน )
 เลือกสายอาชีพ(คน)
ชาย
21
3
หญิง
24
2
รวม
45
5
 ตาราง ข. ข้อมูลการเลือกเรียนต่อในสายต่างๆของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน50 คน

    ส่วนที่ 3 ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญ.
เพศชาย
ตัวอย่างทัศนคติ
เห็นด้วย (คน)
ไม่เห็นด้วย(คน)
เป็นสายที่เน้นวิชาการมากเกินไป
15
9
เรียนหนักมากเกินไป
19
5
บทเรียนส่วนมากไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
14
10
เป็นสายที่ภาพลักษณ์ดี ดูมีอนาคต
21
3
เป็นสายการเรียนที่มีโอกาสตกงานต่ำ
13
11
ท่านชอบและมีความถนัดในเชิงวิชาการมาก
17
7
ในปัจจุบันเป็นสายที่มีคนยอมรับมาก หางานง่าย
16
8
รวม
115
53
ตาราง ค. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญเพศชาย
เพศหญิง
ตัวอย่างทัศนคติ
เห็นด้วย (คน)
ไม่เห็นด้วย(คน)
เป็นสายที่เน้นวิชาการมากเกินไป
22
4
เรียนหนักมากเกินไป
21
5
บทเรียนส่วนมากไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
21
5
เป็นสายที่ภาพลักษณ์ดี ดูมีอนาคต
20
6
เป็นสายการเรียนที่มีโอกาสตกงานต่ำ
2
24
ท่านชอบและมีความถนัดในเชิงวิชาการมาก
14
12
ในปัจจุบันเป็นสายที่มีคนยอมรับมาก หางานง่าย
9
17
รวม
109
73
ตาราง ง. ตารางทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญเพศหญิง

     ส่วนที่ 4 ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพ
เพศชาย
ตัวอย่างทัศนคติ
เห็นด้วย(คน)
ไม่เห็นด้วย
(คน)
เป็นสายที่ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี
14
10
ไม่มีระเบียบวินัยที่เคร่งครัดเหมือนสายสามัญ
15
9
มีข่าวนักเรียนทะเลาะกันให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
21
3
เป็นสายที่เน้นผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆซึ่งจะทำให้นำความรู้ไปใช้จริงได้
23
1
เป็นการเรียนเฉพาะทางไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนทุกด้านแบบสายสามัญ
19
5
ได้เรียนไปด้วยทำงานด้วย

17
7
ประเทศชาติกำลังต้องการนักเรียนสายอาชีพ
13
11
รวม
122
46
ตาราง จ. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพเพศชาย
เพศหญิง
ตัวอย่างทัศนคติ
เห็นด้วย(คน)
ไม่เห็นด้วย
(คน)
เป็นสายที่ภาพลักษณ์ไม่ค่อยดี
15
11
ไม่มีระเบียบวินัยที่เคร่งครัดเหมือนสายสามัญ
22
4
มีข่าวนักเรียนทะเลาะกันให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
20
6
เป็นสายที่เน้นผู้ที่มีความสามารถในด้านต่างๆซึ่งจะทำให้นำความรู้ไปใช้จริงได้
24
2
เป็นการเรียนเฉพาะทางไม่จำเป็นต้องมานั่งเรียนทุกด้านแบบสายสามัญ
22
4
ได้เรียนไปด้วยทำงานด้วย

23
3
ประเทศชาติกำลังต้องการนักเรียนสายอาชีพ
14
12
รวม
140
42
ตาราง ฉ. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพเพศหญิง

      ส่วนที่ 5 สรุปผลตาราง
    ตาราง ก. แสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม
     จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 50 ชุด โดยมีเพศชายร้อยละ 48  และมีเพศหญิงร้อยละ 50
   ตาราง ข. ข้อมูลการเลือกเรียนต่อในสายต่างๆของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน50 คน
       จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 ส่วนใหญ่มีความสนใจในการเลือกเรียนต่อในสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ
  ตาราง ค. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญเพศชาย
     จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่านักเรียนชายส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนต่อในสามัญ โดยให้เหตุผลว่าเป็นสายที่เน้นเรื่องวิชาการเป็นหลักซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ทำแบบสอบถามมีความถนัดและในปัจจุบันสายสามัญยังเป็นสายที่หางานง่าย
  ตาราง ง. ตารางทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายสามัญเพศหญิง
    จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่ มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนต่อในสายสามัญเพราะเป็นสายที่มีภาพลักษณ์ดีกว่าสายอาชีพ ในปัจจุบันหางานง่ายและเป็นที่ต้องการแต่หากกระนั้นยังมีนักเรียนส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าสายสามัญมีการเรียนที่หนักมากเกินไป
  ตาราง จ. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพเพศชาย
     จากตารางข้างต้นแสดงว่ามีนักเรียนกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหนึ่งมีความสนในในสายอาชีพและมีความเห็นว่าสายอาชีพเป็นการเรียนเฉพาะทางถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะสามารถนำไปใช้ได้จริงและสามารถทำงานไปเรียนไปได้เป็นการฝึกประสบการณ์ไปในตัว
  ตาราง ฉ. ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อสายอาชีพเพศหญิง

      จากตารางข้างต้นแสดงให้เห็นว่ามีนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเพศหญิงกลุ่มน้อยที่สนใจและมีทัศนคติที่ดีต่อสายอาชีพ โดยให้เหตุผลว่าสายอาชีพเรียนเฉพาะด้านไม่เรียนครอบคลุมมากมายเหมือนสายสามัญเละในปัจจุบันประเทศชาติกำลังต้องการแรงงานที่จบในสายอาชีพและยังได้รับค่าตอบแทนสูง

...บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย...

           การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3ที่มีต่อการศึกษาต่อในสายสามัญและสายอาชีพและเพื่อสร้างข้อมุลประกอบการตัดสินใจในการเลือกเรียนต่อของเยาวชนรุ่นหลัง            มีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัย ดังนี้           
ขั้นตอนในการดำเนินการวิจัย
การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
                เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดราชโอรส ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 11 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 536 คน
กลุ่มตัวอย่าง
                กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 โรงเรียนวัดราชโอรส ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 50 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
                   เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามความคิดเห็น แบ่งออกเป็น 2 ตอน  ดังนี้
                    ตอนที่  เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม    ได้แก่  เพศ , สายที่เลือก , เหตุผลที่เลือก ,ทัศนคติต่อสายสามัญและสายอาชีพ โดยลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบเช็คเครื่องหมาย

                         ตอนที่  เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นถึงทัศนคติที่มี่ต่อทั้งสองสายการเรียน ซึ่งเป็นการนับจำนวนเสียงตอบรับต่อทัศนคติด้านต่างๆ               
                        
การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวิจัย
                แบบทดสอบมีความใกล้เคียงกับมาตรฐานของผู้วิจัยที่ได้คาดหมายไว้และแบบสอบถามได้อ้างอิงหลักฐานข้อมูลได้ถูกต้องทุกประการ

การเก็บรวบรวมข้อมูล
                1. แจกแบบแบบสอบถามแก่กลุ่มเป้าหมายและนัดหมายการจัดเก็บแบบแบบสอบถาม
                2.จัดเก็บแบบสอบถามซึ่งแบบแบบสอบถามที่ได้รับคืน     จำนวน 50 ชุด  
จากแบบสอบถาม  ทั้งหมด 50 ชุด   คิดเป็นร้อยละ  100  ของแบบสอบถามที่จัดส่งทั้งหมด

การวิเคราะห์ข้อมูล
หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว  ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล  ดังนี้
1.นำแบบสอบถามที่ได้รับคืน มาตรวจสอบความสมบูรณ์  พบว่า  แบบสอบถามที่ได้รับคืน 
จำนวน  50  ฉบับ   คิดเป็นร้อยละ  100  ของแบบสอบถามที่จัดส่งทั้งหมด
2.ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการใช้ โปรแกรม Excel  โดยจำแนกแบบสอบถาม  เป็น  ส่วน  คือ
                                   2.1ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นแบบตรวจสอบรายการวิเคราะห์โดยการหาค่าร้อยละ
2.2   ข้อมูลความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายเพศชายและเพศหญิงเกี่ยวกับทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/11ที่มีต่อการศึกษาต่อในสายสามัญ

2.3     ข้อมูลความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายเพศชายและเพศหญิงเกี่ยวกับทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/11ที่มีต่อการศึกษาต่อในสายอาชีพ